ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดัน การพักผ่อนที่มีคุณภาพ กลับกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ลองนึกภาพคุณนอนอยู่บนเตียง แต่หัวสมองของคุณกลับคิดวนเวียนเหมือนเครื่องจักรที่ไม่มีปุ่ม shut down จนแทบไม่ได้นอนทั้งคืน นั่นคือคุณกำลังเผชิญกับปัญหา นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพโดยรวมทั้งหมดอีกด้วย
สัญญาณเตือนของอาการนอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด
- ใช้เวลานานกว่า 30 นาทีในการพยายามข่มตาหลับ
- ตื่นกลางดึกบ่อยครั้งและนอนต่อยาก หลับไม่สนิท
- ง่วงเวลากลางวัน แต่ถึงเวลานอนจริง ๆ กลับหลับไม่ลง
- มีความคิดวนเวียนไม่จบสิ้น
- ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น สมองตื้อ ไม่มีสมาธิ
หากมีอาการเหล่านี้เกิน 3 เดือน อาจเป็นสัญญาณของอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง

- เข้านอนให้เป็นเวลา พยายามเข้านอนและตื่น ในเวลาเดิมๆของทุกวัน เพื่อให้ร่างกายจดจำ แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม
- หลีกเลี่ยงการนอนดึก ช่วงเวลาที่ดีเหมาะสมคือนอนก่อน 4 ทุ่มและตื่น 6 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาตามนาฬิกาชีวิต ร่างกายจะพักผ่อนให้เต็มที่จากการหลับลึก
- หลีกเลี่ยงการนอนตอนกลางวัน หรือหากงีบ ต้องไม่ควรเกิน 30 นาที
- จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ปรับแสงสว่างในห้องนอนให้พอเหมาะ ให้เสียงเงียบเพียงพอ มีอุณหภูมิที่เย็นพอดี (ประมาณ 25°C) ฟูกไม่ควรแข็งหรือยวบเกินไป จัดหาหมอนและผ้าห่มที่ทำให้นอนหลับสบาย
- งดใช้หน้าจอก่อนนอน 30-60 นาที เนื่องจากแสงสีฟ้าจากจอมือถือ แท็บเล็ต ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ จะลดการหลั่งเมลาโทนิน และกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ก่อนเวลานอน 4-6 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน ถึงแม้ว่าแอลกอฮอล์ จะทำให้ง่วงในช่วงแรก แต่จะทำให้ตื่นกลางดึกและนอนไม่หลับต่อ
- หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก หรือบุฟเฟ่ต์ ในช่วงใกล้เวลานอน ควรทานอาหารเย็นเบาๆ ก่อนนอน ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักในช่วงเวลานอน
- ใช้เทคนิค Cool down mode ทำเป็นกิจวัตรเดิมซ้ำๆ เพื่อให้ร่างกายรับรู้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงพักผ่อน เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ, ดื่มนมอุ่นๆหรือชาคาโมมายล์ก่อนนอน, เปิดไฟสลัวก่อนนอน 30 นาที, ใช้น้ำมันหอมระเหย หรือเปิดเพลงผ่อนคลายเบาๆ
- ไม่คิดงาน ตอบอีเมล หรือดูหนังที่ทำให้เกิดความตื่นเต้นก่อนนอน
- ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงเช้าหรือบ่าย เช่น โยคะ แบดมินตัน วิ่ง ว่ายน้ำ เป็นต้น แต่เลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน เพราะอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป
- ทำสมาธิ และฝึกการหายใจ เพื่อให้ร่างกายสงบ โดยอาจฝึกหายใจโดยใช้เทคนิค 4-7-8 คือ เริ่มจากการหายใจออกให้หมด, หายใจเข้าทางจมูก 4 วินาที, กลั้นหายใจ 7 วินาที, และหายใจออกทางปาก 8 วินาที ให้เกิดเสียงคล้ายลม ทำซ้ำ 4 รอบ เพื่อช่วยให้ร่างกายสงบ ผ่อนคลาย และหลับได้ง่ายขึ้น
- หากมีความเครียด หรือมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก เช่น มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือเกิดการสูญเสียอย่างกะทันหัน ควรเข้าพบจิตแพทย์เพื่อค้นหาวิธีรักษาที่เหมาะสม

นอกจากนี้แล้ว สามารถเพิ่มสารอาหารที่ช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้น อยู่ในรูปแบบ สารอาหารจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ได้แก่
- กรดอะมิโนจาก แอล-ทริปโตเฟน (L-Tryptophan) และสารกาบา (GABA) พบมากในข้าว แป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องงอก เผือก มัน งา รวมถึงผลไม้ เช่น กล้วย อินทผลัม ลูกพรุน
- เมลาโทนิน (Melatonin) เป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับโดยตรง พบมากในอาหารจำพวก ปลา ไข่ ถั่ววอลนัท
- แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เสริมการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น พบมากใน ถั่วต่างๆ กล้วย และ ผักใบเขียว
- วิตามินบี มีความสำคัญในการสังเคราะห์เซโรโทนิน ทำให้ผ่อนคลาย และหลับได้สนิทขึ้น ซึ่งเมนูที่มีวิตามินบีสูง คือ ข้าวโอ๊ต นม กล้วย มันฝรั่ง
- คาโมมายล์ มักอยู่ในรูปแบบชา สามารถชงดื่มก่อนนอน
หากต้องการซื้อยาหรืออาหารเสริมมาทานเพื่อช่วยให้นอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เนื่องจากยาและอาหารเสริมบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง
หรือมีผลกระทบต่อโรคประจำตัว และยาประจำที่ใช้ ต้องการปรึกษาเภสัชกร แอดไลน์ : @tlepharmacy หรือ คลิ๊ก

อ้างอิง
https://www.thonburihospital.com/en/insomnia-racing-mind-solutions/
https://www.sikarin.com/health/insomnia/
https://www.megawecare.co.th/tips-brain/insomnia-overthink-cure/
https://hdmall.co.th/blog/c/insomnia/
https://www.samitivejhospitals.com/th/
คำสำคัญ : นอนไม่หลับ, คิดไม่หยุด, สมองไม่หยุดคิด , นอนหลับยาก, ความคิดวนเวียน, นอนไม่หลับเรื้อรัง