บทความ / สาระน่ารู้

นอนไม่หลับ..สมองไม่หยุดคิด พิชิตอย่างไร?

ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดัน การพักผ่อนที่มีคุณภาพ กลับกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ลองนึกภาพคุณนอนอยู่บนเตียง แต่หัวสมองของคุณกลับคิดวนเวียนเหมือนเครื่องจักรที่ไม่มีปุ่ม shut down จนแทบไม่ได้นอนทั้งคืน นั่นคือคุณกำลังเผชิญกับปัญหา นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพโดยรวมทั้งหมดอีกด้วย

สัญญาณเตือนของอาการนอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด

  1. เข้านอนให้เป็นเวลา พยายามเข้านอนและตื่น ในเวลาเดิมๆของทุกวัน เพื่อให้ร่างกายจดจำ แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม
  2. หลีกเลี่ยงการนอนดึก ช่วงเวลาที่ดีเหมาะสมคือนอนก่อน 4 ทุ่มและตื่น 6 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาตามนาฬิกาชีวิต ร่างกายจะพักผ่อนให้เต็มที่จากการหลับลึก
  3. หลีกเลี่ยงการนอนตอนกลางวัน หรือหากงีบ ต้องไม่ควรเกิน 30 นาที
  4. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ปรับแสงสว่างในห้องนอนให้พอเหมาะ ให้เสียงเงียบเพียงพอ มีอุณหภูมิที่เย็นพอดี (ประมาณ 25°C)  ฟูกไม่ควรแข็งหรือยวบเกินไป จัดหาหมอนและผ้าห่มที่ทำให้นอนหลับสบาย
  5. งดใช้หน้าจอก่อนนอน 30-60 นาที เนื่องจากแสงสีฟ้าจากจอมือถือ แท็บเล็ต ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ จะลดการหลั่งเมลาโทนิน และกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว
  6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ก่อนเวลานอน 4-6 ชั่วโมง
  7. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน ถึงแม้ว่าแอลกอฮอล์ จะทำให้ง่วงในช่วงแรก แต่จะทำให้ตื่นกลางดึกและนอนไม่หลับต่อ
  8. หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก หรือบุฟเฟ่ต์ ในช่วงใกล้เวลานอน ควรทานอาหารเย็นเบาๆ ก่อนนอน ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักในช่วงเวลานอน
  9. ใช้เทคนิค Cool down mode ทำเป็นกิจวัตรเดิมซ้ำๆ เพื่อให้ร่างกายรับรู้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงพักผ่อน เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ, ดื่มนมอุ่นๆหรือชาคาโมมายล์ก่อนนอน, เปิดไฟสลัวก่อนนอน 30 นาที, ใช้น้ำมันหอมระเหย หรือเปิดเพลงผ่อนคลายเบาๆ
  10. ไม่คิดงาน ตอบอีเมล หรือดูหนังที่ทำให้เกิดความตื่นเต้นก่อนนอน 
  11. ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงเช้าหรือบ่าย เช่น โยคะ แบดมินตัน วิ่ง ว่ายน้ำ เป็นต้น แต่เลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน เพราะอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป
  12. ทำสมาธิ และฝึกการหายใจ เพื่อให้ร่างกายสงบ โดยอาจฝึกหายใจโดยใช้เทคนิค 4-7-8 คือ เริ่มจากการหายใจออกให้หมด, หายใจเข้าทางจมูก 4 วินาที, กลั้นหายใจ 7 วินาที, และหายใจออกทางปาก 8 วินาที ให้เกิดเสียงคล้ายลม ทำซ้ำ 4 รอบ เพื่อช่วยให้ร่างกายสงบ ผ่อนคลาย และหลับได้ง่ายขึ้น
  13. หากมีความเครียด หรือมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก เช่น มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือเกิดการสูญเสียอย่างกะทันหัน ควรเข้าพบจิตแพทย์เพื่อค้นหาวิธีรักษาที่เหมาะสม

นอกจากนี้แล้ว สามารถเพิ่มสารอาหารที่ช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้น อยู่ในรูปแบบ สารอาหารจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม  ได้แก่

  • กรดอะมิโนจาก แอล-ทริปโตเฟน (L-Tryptophan) และสารกาบา (GABA) พบมากในข้าว แป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องงอก เผือก มัน งา รวมถึงผลไม้ เช่น กล้วย อินทผลัม ลูกพรุน
  • เมลาโทนิน (Melatonin) เป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับโดยตรง พบมากในอาหารจำพวก ปลา ไข่ ถั่ววอลนัท
  • แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เสริมการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น พบมากใน ถั่วต่างๆ กล้วย และ ผักใบเขียว
  • วิตามินบี มีความสำคัญในการสังเคราะห์เซโรโทนิน ทำให้ผ่อนคลาย และหลับได้สนิทขึ้น ซึ่งเมนูที่มีวิตามินบีสูง คือ ข้าวโอ๊ต นม กล้วย มันฝรั่ง
  • คาโมมายล์ มักอยู่ในรูปแบบชา สามารถชงดื่มก่อนนอน

หากต้องการซื้อยาหรืออาหารเสริมมาทานเพื่อช่วยให้นอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เนื่องจากยาและอาหารเสริมบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง
หรือมีผลกระทบต่อโรคประจำตัว และยาประจำที่ใช้      ต้องการปรึกษาเภสัชกร แอดไลน์ : @tlepharmacy หรือ คลิ๊ก

อ้างอิง
https://www.thonburihospital.com/en/insomnia-racing-mind-solutions/
https://www.sikarin.com/health/insomnia/
https://www.megawecare.co.th/tips-brain/insomnia-overthink-cure/
https://hdmall.co.th/blog/c/insomnia/
https://www.samitivejhospitals.com/th/